ผลบอลล่าสุด ทุกลีกชั้นนำของโลก

   ลา ลีกา 2018/19 ต่างดาว บาร์เซโลน่า เปิดบ้านรับการมาเยือนจาก เรอัล โซเซียดาด ที่สนาม คัมป์ นู ในคืนวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2562 เวลา 01:45 น. ตามเวลาประเทศไทย

สถิติการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดของทั้งสองทีม

15/09/18 เรอัล โซเซียดาด 1-2 บาร์เซโลน่า
21/05/18 บาร์เซโลน่า 1-0 เรอัล โซเซียดาด
15/01/18 เรอัล โซเซียดาด 2-4 บาร์เซโลน่า
16/04/17 บาร์เซโลน่า 3-2 เรอัล โซเซียดาด
27/01/17 บาร์เซโลน่า 5-2 เรอัล โซเซียดาด

ลา ลีกา บาร์เซโลน่า VS เรอัล โซเซียดาด

บาร์เซโลน่า

   ต่างดาว บาร์เซโลน่า กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม ล่าสุดเพิ่งผ่านเข้ารอบ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก หลังจากเขี่ย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบไป ส่วนสถานการณืในลีก ก็ถือว่าไม่มีความกดดันอะไรมากมาย เมื่อพวกเขารั้งตำแหน่งจ่าฝูงของลีกทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง แอตฯมาดริด ถึง 9 แต้มในขณะที่เหลือเกมในมืออีก 6 นัดสุดท้าย

   เกมนี้ทีมของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ไม่มี ซามูแอล อุมตีตี้, โธมัส แฟร์มาเล่น และ ราฟาเอล อัลกันตาร่า ราฟินญ่า ที่มีอาการบาดเจ็บม่พร้อมลงสนาม แต่จะได้ หลุยส์ ซัวเรซ กับ เคราร์ด ปีเก้ พ้นโทษแบนกลับมาลงสนามได้แล้ว

   การจัดทัพน่าจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยโดยตัวหลักอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ ยังอยู่เช่นเกิมแต่น่าจะใช้ อุสมาน เดมเบเล่ กับ เนลซอน เซเมโด้ ลงแทน ฟิลิปเป้ กูตินโญ่ กับ เซร์จี้ โรเบร์โต้

   รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง : มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น, เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, จอร์ดี้ อัลบา, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อาร์ตูร์ เมโล่, ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, อุสมาน เดมเบเล่

เรอัล โซเซียดาด

   ส่วนทีมเยือน เรอัล โซเซียดาด อยู่กลางตารางแทบไม่มีลุ้นอะไรแล้ว เกมนี้ขาด ดาบิด ซูรูตูซ่า, อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้, อัดนาน ยานาไซ, เอคตอร์ โมเรโน่ กับ เกบิน โรดรีเกส ที่ยังไม่พร้อมลงสนามแต่จะได้ วิลเลียน โชเซ่ พ้นโทษแบนกลับมา

   รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง : เคโรนีโม่ รูยี่, โจเซบา ซัลดูอา, อาริตซ์ เอลูสตอนโด้, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, อาเอน มูนญอซ, อีกอร์ ซูเบลเดีย, มิเกล โอยาร์ซาบาล, มิเกล เมรีโน่, รูเบน ปาร์โด้, ฆวน มิเกล ฆีเมเนซ โลเปซ ฆวนมี, วิลเลียน โชเซ่ 

 

   ศึกสายเลือด ช้างศึกในแดนอาทิตย์อุทัยชนาธิป สรงกระสินธ์แห่งคอนซาโดเล่ ซัปโปโรเปิดบ้านพ่ายให้กับทีมของฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ทีมน้องใหม่โออิตะ ทรินิตะ1-2

ศึกสายเลือด เจต้านนิวไม่ไหว ซัปโปโร พ่าย โออิตะ 1-2

   ดูบอลสด ศึกฟุตบอล เจลีก 1 ประเทศญี่ปุ่น คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เปิดบ้านรับการมาเยือนจาก โออิตะ ทรินิตะ ในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 เจ้าถิ่น ซัปโปโร ชนะมา 2 แพ้ไป 3 เกม รั้งอันดับ 13 บนตาราง ส่วนทีมเยือนชนะ 3 แพ้ 2 อยู่อันดับ 8

   เจ้าถิ่น ซัปโปโร โดยการนำของกุนซือ มิไฮโล เปโตรวิช มาในระบบ 3-4-2-1 โดยวาง ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวรุกทางฝั่งซ้าย ประสานงานกับ แอนเดอร์สัน โลเปซ และ มูซาชิ ซูซูกิ ส่วน โออิตะ ภายใต้การนำของ โทโมฮิโระ คาตาโนซากะ จัดทัพมาสู้ในระบบ 3-4-2-1 เช่นเดียวกัน โดยมี ธิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลาง ทีมชาติไทย ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง

   เริ่มเกมได้เพียงแค่ 2 นาที ทีมเยือนเป็นฝ่ายที่ได้ทักทายก่อนและเป็นจังหวะที่ได้ประตูขึ้นนำเร็วไปเลย 1-0 เมื่อ ยูจิ โฮชิ ตามไปเก็บบอลจากสุดเส้นหลังแล้วเปิดเข้ามากางประตูให้ โนริอากิ ฟูจิโมโตะ ซัดด้วยซ้ายเข้าไปเป็นประตู โออิตะ นำก่อน 1-0

   ถัดมานาทีที่ 12 เป็นโอกาสของ ซัปโปโร บ้างเมื่อ ชนาธิป ได้จังหวะซัดด้วยขวาที่ระยะประมาณ 18 หลา แต่ยังไม่ดีพอบอลพุ่งไปติดเซฟ ชุน ทาคากิ นายทวารทีมเยือน

   ช่วงเวลาที่เหลือในครึ่งแรกแม้เจ้าถิ่นจะเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้มากกว่าแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ แล้วกลายเป็นโดนสวนกลับ

   ในหน้าที่ 26 เรมิ มัตสึโมโตะ ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาแล้วเปิดเข้ากลาง บอลไปโดน ฮิโรกิ มิยาซาวะ ผู้เล่นของ ซัปโปโร ที่พยายามจะแหย่เท้าสกัดแต่กลายเป็นทำบอลหลุดเข้าประตูตัวเองไป ทำให้ทีมเยือนนำห่างเป็น 2-0 ทันที

   จบครึ่งแรก คอนซาโดเล ซัปโปโร ตามหลัง โออิตะ ทรินิตะ อยู่ 0-2

   ครึ่งหลังเจ้าถิ่นพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะทวงประตูคืนและมาตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 69 จากจังหวะที่ โยชิฮิโร่ นากาโนะ โยนบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วเป็น โยชิโนริ ซูซูกิ กองหลังทีมเยือนกระโดดขึ้นโหม่งสกัดบอลลอยเข้าประตูตัวเองไปทำให้ ซัปโปโร ไล่ตามมาเป็น 1-2

   ถัดมานาทีที่ 74 โออิตะ ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่หนึ่งประตูทำการปรับเปลี่ยนแผนใหม่โดยการถอด ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ออกแล้วส่ง ทาคุยะ มารูตานิ ลงสนามมาแทน

   ช่วงระยะเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นยังคงบุกเข้าใส่ โออิตะ อย่างต่อเนื่องและมีจังหวะได้ลุ้นเอาประตูตีเสมออยู่หลายครั้งแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทำให้สุดท้ายจบเกม โออิตะ ทรินิตะ บุกมาเอาชนะ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไป 2-1 คว้า 3 แต้มกลับบ้านได้สำเร็จ

 

   วาร์ดี้เหมา 2 จิ้งจอกสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ ยูริ ทีเลอม็องส์ ยิงเบิกร่องก่อนที่ เจมี่ วาร์ดี้ จะมาเบิ้ล 2 ประตูท้ายเกมพา เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ ฟูแล่ม ไป 3-1 คว้าชัยนัดแรกภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เก็บเพิ่ม 3 แต้ม รั้งอันดับ 10 บนตาราง

วาร์ดี้เหมา 2 เลสเตอร์ เปิดบ้านอัด ฟูแล่ม 3-1

   ดูบอลสด ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2018/19 จิ้งจอกสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านต้อนรับ ฟูแล่ม ที่สนาม คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2562

   เลสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มในลีก 8 นัดหลังสุดไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะชนะกับเสมอมาอย่างละนัดนอกนั้นแพ้หมด ส่วนทีมเยือน ฟูแล่ม ก็ไม่ต่างจากเจ้าถิ่นเท่าไหร่เพราะพวกเขาแพ้ในลีกมา 5 เกมซ้อนแล้ว

   เริ่มเกม เลสเตอร์ บุกจากซ้ายไปขวาและเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่าในช่วง 10 นาทีแรก แต่ทีมเยือนก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน มีจังหวะได้โต้กลับอยู่หลายครั้ง แต่ทั้งสองทีมยังไม่มีจังหวะจะแจ้งที่จะทำประตูได้

   กระทั่งนาทีที่ 21 ในที่สุด เลสเตอร์ ก็เป็นฝ่ายที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 เมื่อ  เอ็นดิดี้ บีบไปแย่งบอลมาจากทีมเยือนได้ก่อนจะจ่ายไปให้ วาร์ดี้ หลุดเดี่ยวแต่ไม่ยิงเองไหลขวางไปทางขวาให้ ทีเลอม็องส์ ล็อคหลบ รีม แล้วแปเข้าประตูไป เลสเตอร์ ซิตี้ นำก่อน 1-0

   แม้จะได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแต่เจ้าถิ่นก็ไม่ได้ผ่อนเกมลงแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาบุกเพื่อจะเอาประตูที่สองให้ได้ และก็ทำกันได้ดีเลยทีเดียวเพราะเกือบจะเปลี่ยนเป็นประตูได้อยู่หลายจังหวะ แต่ก็ยังไม่ดีพอ ทำให้จบครึ่งแรก จิ้งจอก นำ ฟูแล่ม อยู่เพียง 1-0

   ครึ่งหลังนาทีที่ 51 ทีมเยือนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ นอร์ดไวท์ วางบอลยาวออกขวาแล้ว ชิลเวลล์ ตัดบอลพลาดทำให้เลยมาถึง อายิเต้ เอาบอลลงก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วซัดด้วยซ้าย บอลแฉลบ แม็คไกวร์ เปลี่ยนทางเข้าไปเป็นประตู

   หลังจากที่เกมกลับมาเท่ากันอีกครั้ง เลสเตอร์ พยายามจะเอาประตูขึ้นนำให้ได้อีกครั้ง แต่ ฟูแล่ม ก็เล่นกันได้ดีพอสมควรยังคงรับมือกับ จิ้งจอก ได้สูสี

   กระทั่งช่วงท้ายเกมนาทีที่ 78 ในที่สุด เลสเตอร์ ก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเมื่อ นอร์ดไวท์ จ่ายบอลพลาดเลยโดน แม็ดดิสัน จ่ายสวนไปให้ วาร์ดี้ หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาแล้วจัดการยิงสวนตัว ริโก้ เข้าเสาสองไปอย่างสวยงาม จิ้งจอก ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1

   และประตูที่ 3 ของ เลสเตอร์ ก็ตามมาติดๆในนาทีที่ 86 จากความยอดเยี่ยมของ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ซัดประตูที่สองสองตัวเอง และเป็นประตูพา เลสเตอร์ ขึ้นนำ 3-1

   จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายเอาชนะ ฟูแล่ม ไป 3-1

 

   ท๊อฟฟี่คืนฟอร์ม ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ไล่อัด คาร์ดิฟฟ์ 3-0 จากความยอดเยี่ยมของ กิลฟี่ ซิกูร์ดสสัน ที่เบิ้ลไป 2 ประตู และอีกหนึ่งประตูจาก โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน พา เอฟเวอร์ตัน เก็บเพิ่ม 3 คะแนน ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 9 ของตาราง

ท๊อฟฟี่คืนฟอร์ม เอฟเวอร์ตัน ไล่อัด คาร์ดิฟฟ์ 3-0

   ดูบอลสด ศึกฟุตอบล พรีเมียร์ลีก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เปิดบ้านต้อนรับ เอฟเวอร์ตัน ที่สนาม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ในวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562

   เจ้าถิ่น คาร์ดิฟฟ์ เพิ่งจะแพ้ให้กับ วัตฟอร์ด คาบ้านมา 5-1 ส่วน เอฟเวอร์ตัน ฟอร์มแย่หนักหลังจากแพ้มา 3 นัดติด ซึ่งการเจอกันในพรีเมียร์ลีก 3 นัดหลังสุด เอฟเอฟเวอร์ตัน ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไป 2 และเสมอ 1 นัด

   เริ่มเกม คาร์ดิฟฟ์ ได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 3 จากจังหวะซัดไกลนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวาของ เมนเดซ-แลง บอลพุ่งหลุดเสาสองออกไป

   นาทีที่ 12 เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา ซิกูร์ดสสันเปิดบอลไปเสาแรก จาเกียลก้าโหม่งสกัดมาเข้าทาง วัลคอตต์ยิงด้วยขวา บอลหลุดเสาสองออกไป

   นาทีที่ 28 เป็นโอกาสของคาร์ดิฟฟ์บ้าง จังหวะนี้กุนนาร์สันได้บอลหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวาก่อนจะเปิดไปเสาแรกให้ โซโฮเร่ยิงด้วยขวา บอลหลุดกรอบออกไป

   ช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 41 ในที่สุด เอฟเวอร์ตัน ก็เป็นฝ่ายที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ชไนเดอร์ลิน ให้บอลจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ากลางมาที่ โคลแมน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะกระชากไปจนสุดเส้นหลัง แล้วตบกลับเข้ากลางให้ ซิกูร์ดสสัน วิ่งมาแปเน้นๆ บอลเสียบเสาสองเข้าประตูไป จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0

   ครึ่งหลังคาร์ดิฟฟ์พยายามจะตั้งเกมบุกเพื่อที่จะเอาประตูตีเสมอให้ได้ แต่ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ลุ้นประตูสักเท่าไหร่ เพราะทางฝั่งของเอฟเวอร์ตันหลังจากที่ได้ประตูตุนไป 1 ประตู ก็เน้นเล่นรัดกุมไม่เปิดโอกาสให้กับเจ้าถิ่นได้ลุ้นเลย

   จนกระทั่งนาทีที่ 66 กลับเป็น ท๊อฟฟี่ ที่มาบวกเพิ่มได้อีก 1 ประตู จากจังหวะที่ตัดบอลได้กลางสนาม เกย์ กระชากบอลไปจนถึงหน้ากรอบเขตโทษแล้วไหลออกซ้ายให้ แบร์นาร์ ลากที่ไปจนสุดเส้นหลังแล้วเปิดกลับเข้ากลาง เอเธอริดจ์ พยายามจะล้มตัวปัดแต่บอลกลับไปเข้าทาง ซิกูร์ดสสัน วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เอฟเวอร์ตัน นำห่าง 2-0

   หลังจากนั้นเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่มีโอกาสได้ลุ้นประตูที่ 3 มากกว่าโอกาสที่เจ้าถิ่นจะตีไข่แตกได้ จนกระทั่งช่วงทดเจ็บก่อนหมดเวลาการแข่งขัน เอฟเวอร์ตัน ก็มาได้เพิ่มอีก 1 ประตู จากจังหวะสวนกลับ เกย์ กระชากบอลจากกลางสนามก่อนจะแทงไปให้ คัลเวิร์ต-เลวิน หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาเป็นประตู เอฟเวอร์ตัน นำ 3-0 และจบเกมไปด้วยสกอร์นี้

 

 

   เกือบไปแล้ว สำหรับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่แม้จะได้ประตูนำก่อนถึง 2 ประตู แต่ดันถูก แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ไล่ตามตีเสมอทัน ทำให้ต้องเล่นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ผลคือ สาลิกาดง ได้ โฆเซลู กับ อโยเซ เปเรซ ช่วยกันซัดคนละประตูพา นิวคาสเซิ่ล เอาชนะ แบล็กเบิร์น ไป 4-2 ผ่านเข้าไปเล่น เอฟเอ คัพ รอบ 4 โดยจะเจอกับวัตฟอร์ด

เกือบไปแล้ว นิวคาสเซิ่ล ต่อเวลาเอาชนะ แบล็กเบิร์น 4-2

   ศึกฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบ 3 นัดรีเพลย์ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส เปิดบ้านพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่สนาม อีวูด ปาร์ค ในวันที่ 15 มกราคม 2562 ดูบอลสด

   เริ่มเกมเพียงนาทีแรก นิวคาสเซิ่ล ก็จัดให้เจ้าถิ่นก่อนเลยด้วยการได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ โฆเซลู ได้บอลแล้วให้ไปตรงกลางหน้าเขตโทษที่ ลอฟสตาฟฟ์ ซัดเองที่ระยะไกลพอสมควร บอลแฉลบก่อนจะพุ่งเข้าประตูไปในที่สุด นิวคาสเซิ่ล นำ 1-0

   หลังจากนั้นแม่แบล็คเบิร์นพยายามจะบุกเอาประตูคืนแต่พวกเขายังทำกันได้ไม่ดีนัก และดูเหมือนว่าฝั่งทีมเยือนจะเป็นฝ่ายทำได้ค่อนข้างดีกว่า

   นาทีที่ 22 สกอร์ทิ้งห่างไปอีกเป็น 2-0 จากบอลสาดยาวขึ้นหน้า โฆเซลู โหม่งไปให้ เมอร์ฟี่ หลุดเข้าเขตโทษแล้วซัดไปติดเซฟ เมอร์ฟี่ เก็บจังหวะสองได้ ตบเข้ากลางให้ โรเบิร์ต ยิงเข้าไปเป็นประตู นิวคาสเซิ่ล นำห่าง 2-0

   เกมผ่านครึ่งชั่วโมงแรกในที่สุด แบล็กเบิร์น ก็มาได้ประตูตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-1 แกรห์ม ได้บอลก่อนขะไหลไปให้ อาร์สตรอง วิ่งสอดมาซัดเข้าไปตุงตาข่าย แบล็กเบิร์นไล่มา 2-1

   และช่วงทดเจ็บก่อนหมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรกในที่สุด กุหลาบไฟ ก็ทำสำเร็จจนได้เมื่อมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากเตะมุมจทางฝั่งขวา รีด เปิดบอลไปหน้าปากประตู เลนิแฮน ขึ้นโหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย แบล็กเบิร์นไล่เจ๊า 2-2 จนได้

   ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำเกมเพื่อจะเอาประตูขึ้นนำให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดกระทั่งหมดเวลา 90 นาทีรวมทดเจ็บ ก็ยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น โดยเสมอกันที่ 2-2 ทำให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศษเพื่อหาผู้ชนะต่อไป

   และในนาทีที่ 105 นิวคาสเซิ่ล ก็เป็นฝ่ายที่ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จังหวะแรก ชาร์ ยิงไกลเกือบ 30 หลาบอลพุ่งตรงกรอบแต่ รายา ปัดได้ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น โฆเซลู จัดการซ้ำเข้าไปเป็นประตู นิวคาสเซิ่ล นำ 3-2

   ต่อด้วยประตูที่ 4 ในอีกหนึ่งนาทีต่อมา คราวนี้เป็น อโยเซ ที่พาบอลขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อจะลากเข้าเขตโทษแล้วได้จังหวะซัดเองทันทีไม่พลาด นิวคาสเซิ่ล นำห่างเป็น 4-2

   จบเกม นิวคาสเซิ่ล เป็นฝ่ายเอาชนะ แบล็กเบิร์น ไป 4-2 ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 4 ในศึก เอฟเอ คัพ โดยจะเปิดบ้านพบกับ วัตฟอร์ด ที่เข้าไปรออยู่ก่อนแล้ว

 

   ไร้ชื่อโอมาร์ หลังจากที่ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้ทำการประกาศรายชื่อ 23 แข้ง ชุดสู้ศึก เอเชียนคัพ 2019 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง 23 รายชื่อดังกล่าว ไม่มีชื่อของ โอมาร์ อับดุลราห์มาน เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งจากสโมสร อัล-ฮิลาล ปรากฏอยู่ด้วย

   ซึ่งสาเหตุที่ไร้ชื่อของ อับดุลราห์มาน ในศึก เอเชียนคัพ 2019 เนื่องมาจากข่าวก่อนหน้านี้ที่ โอมาร์ อับดุลราห์มาน ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างหนักตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และไม่มีทีท่าว่าจะหายบาดเจ็บทัน ทำให้เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งวัย 27 ปี ไม่สามารถเข้าร่วมรายการนี้ ได้

   ทั้งนี้ อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่ กุนซือของ ยูเออี ได้ทำการคัดนักเตะ จำนวนทั้งสิ้น 23 ราย เพื่อลงสู้ศึก เอเชียนคัพ 2019 โดยนักเตะทั้ง 23 คนนั้นเป็นนักเตะที่ค้าแข้ง อยู่ใน ยูเออี ทั้งหมด

   ซึ่งสำหรับผู้ที่จะมาทำเกมแทน อับดุลราห์มาน ในศึก เอเชียนคัพ 2019 นี้ ตกไปอยู่ที่ คัลฟาน มูบารัค ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในลีก ยูเออี ในฤดูกาลนี้

   แต่ถึงแม้ในศึก เอเชียนคัพ 2019 จะได้ชื่อของ โอมาร์ อับดุลราห์มาน แต่ตัวหลักตั้งแต่รอบคัดเลือกตัวอื่นๆยังอยู่กันครบ ทั้ง อาเหม็ด คาลิล หรือ อาลี มาบคูต

   รวมทั้ง โมฮาเหม็ด อับดุลราห์มาน และได้เรียก อิสมาอิส มาตาร์ กองหน้าวัย 35 ปีของสโมสร อัล วาห์ด้า กลับมาติดธงอีกครั้งด้วย

ไร้ชื่อโอมาร์ ยูเออี แบโผ 23 แข้ง บู๊เอเชียนคัพ

   ผู้รักษาประตู : คาลิด เอสซ่า (อัล ไอน์), อาลี คาซีฟ (อัล จาซีร่า), โมฮาเหม็ด อัล ชามซี่ (อัล วาห์ด้า)

   กองหลัง : โมฮาเหม็ด อาหมัด, อิสมาอิล อาเหม็ด (อัล ไอน์), คาลิฟา อัลฮัมมาดี้, ฟาเรส จูม่า (อัล จาซีร่า), คาลีฟา มูบารัค, มาห์มูด คามิส (อัล นาเซอร์), วาลิด อับบาส (อัล อาห์ลี ดูไบ)

   กองกลาง : บันดาร์ อัล-อาห์บาบี, อาเมอร์ อับดุลราห์มาน, โมฮาเหม็ด อับดุลราห์มาน, รายาน ยาสลาม (อัล ไอน์), คัลฟาน มูบารัค (อัล จาซีร่า), มาเจด ฮัสซัน, อิสมาอีล อัล ฮามาดี้ (อัล อาห์ลี ดูไบ), อาลี ซัลมีน, คามิส เอสมาอิล (อัล วาเซิล)

   กองหน้า : อาลี มาบคูต (อัล จาซีร่า), อาเหม็ด คาลิล (อัล อาห์ลี ดูไบ), ซาอิฟ ราชิด (อัล ชาร์จาห์), อิสมาอิล มาตาร์ (อัล วาห์ด้า)

   สำหรับ ดูบอลสด ศึก เอเชียนคัพ 2019 ครั้งนี้ ยูเออี เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดย ยูเออี อยู่กลุ่มเอ ร่วมกับ ไทย, บาห์เรน และ อินเดีย

 

 

   ยูโรป้า ลีก คราสโนดาร์ เปิดบ้านต้อนรับ เซบีญ่า ที่สนาม สตาดิโอน เอฟเค คราซ์โนดาร์ ดูบอลสด ในวันที่ 5 ตุลาคม 2561 เวลา 02.00 น.

ความพร้อมของทั้งสองทีม

คราสโนดาร์

   จ้าถิ่น คราสโนดาร์ ไร้ปัญหาตัวเจ็บและตัวแบนเพิ่มเติม ดังนั้นเกมนี้จึงไม่ได้มีการเปลี่ยนทัพยังคงใช้ตัวเดิมในการลงสนาม มูรัด มูซาเยฟ กุนซือของทีม ส่งเกมรุกเป็น วิคเตอร์ คลาสสัน, วานเดอร์ซอน และ อาริ แดนกลางส่ง ยูริ กาซินสกี้, ชาร์ลส์ กาโบเร่ และ พาเวล มามาเยฟ ประสานงานกัน

   นักเตะที่คาดว่าจะเป็นตัวจริง : สตานิสลาฟ คริทส์ยัค, ดมิทรี สตอซกี้, อเล็กซานเดอร์ มาร์ทรีโนวิช, อูรอช สปายิช,คริสเตียน รามิเรซ, ยูริ กาซินสกี้, ชาร์ลส์ กาโบเร่, พาเวล มามาเยฟ, วิคเตอร์ คลาสสัน, วานเดอร์ซอน, อาริ

เซบีญ่า

   ทางด้านทีมเยือน เซบีญ่า ต้องขาด อเล็กซ์ บิดาล แบ็คขวาที่ได้รับบาดเจ็บเป็นรายล่าสุด นอกจากนี้ยังมี อิบราฮิม อมาดู และ มักซิเม่ โกนาล็องส์ ที่ยังคงเจ็บอยู่ก่อนเช่นกัน ส่วน เซร์คิโอ เอสคูเดโร่ และ กาเบรียล เมร์กาโด้ แม้จะกลับมาลงซ้อมได้แล้ว แต่ก็ไม่น่าจะพร้อมลงสนามในวันนี้

   เกมนี้ ปาโบล มาคิน กุนซือของทีม เซบีญ่า มีการปรับทัพนิดหน่อย โดยเกมรุกส่ง วิสซาม เบน เยแดร์ ลงสนามแทน อันเดร ซิลวา ประสานงานกับ ฟรานโก้ บาซเกซ และ ควินซี่ โพรมิส

   นักเตะที่คาดว่าจะเป็นตัวจริง : โทมัส วาซลิค, ดาเนียล การ์ริโก้, ซิมง เคียร์, เซร์จี้ โกเมซ, เฆซุส นาบาส, โรเก้ เมซ่า, เอแวร์ บาเนก้า, กีเยร์เม่ อาราน่า, ฟรานโก้ บาซเกซ, ควินซี่ โพรมิส, วิสซาม เบน เยแดร์

ยูโรป้า ลีก วิเคราะห์บอล คราสโนดาร์ พบ เซบีญ่า

   คราสโนดาร์ ความมั่นใจกำลังเต็มเปี่ยมหลังจากที่เก็บชัยชนะมาได้ 6 เกมติดต่อกันทุกรายการแล้ว ส่วนทางด้านทีมเยือน เซบีญ่า ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเพราะพวกเขาก็จะเก็บสถิติชนะรวดตลอดทั้ง 4 เกมในทุกรายการเช่นกัน ซึ่ง 1 ใน 4 เกมที่ชนะรวดนั้นก็เป็นการเอาชนะทีมใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด มาด้วยสกอร์ 3-0

   เกมนี้ เซบีญ่า ต้องบุกมาเยือน คราสโนดาร์ ที่เรียกได้ว่าฟอร์มกำลังร้อนแรงสุดๆ ซึ่งหากประเมินจากสภาพทีมของทั้งสองทีมแล้ว มองว่าอย่างไรเสีย เซบีญ่า ก็ยังคงมรสักยภาพและขุมกำลังที่เหนือกว่าเจ้าถิ่นอยู่พอสมควร ดังนั้นเกมนี้มองว่าหาก เซบีญ่า จะมาเก็บ 3 แต้มกลับบ้านไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่นัก